คิดเล่นๆ ไม่เห็นเป็นไร : มุมมองจากคนขับรถ
เสาร์ที่ 16 มิถุนายน 2555
ตอนนี้หน้าร้อนมาถึงแล้ว หลายๆ คนคงจะตื่นเต้นเตรียมตัวใช้เวลานอกบ้านอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี หน้าร้อนที่นี่มีระยะเวลาน้อย ไม่เหมือนเมืองไทยที่มีหน้าร้อนตลอดปี ถึงจะเป็นช่วงหน้าฝนก็ยังร้อนอยู่ดี และแม้ว่าจะหนาวก็หนาวเป็นบางพื้นที่ แต่ที่นี่มีหน้าร้อนเพียง 3-4 เดือนต้องรีบๆ กันหน่อย
พอถึงหน้าร้อนจะมีบรรดาจักรยานออกมาขี่บนถนนหนทางกันมาก จะว่าด้วยเหตุผลของการประหยัดพลังงานช่วยโลกร้อน หรือจะประหยัดเงินค่ารถเมล์ รถไฟใต้ดินหรือค่าน้ำมันรถ และค่าจอดรถก็ตาม คนที่ขี่จักรยานหรือ Biker หรือ Cyclist ส่วนใหญ่มักจะเรียนรู้และเข้าใจกฎการขี่จักรยานบนถนนเบื้องต้นว่าต้องยกมือเวลาจะเลี้ยว หรือต้องขับชิดขวา ทำนองนี้ แต่หลายๆ คนที่ขี่จักรยานก็อาจจะไม่รู้หรือรู้แล้วทำเป็นไม่รู้ บางคนก็คิดถือเอาว่า ฉันนี่แหละที่ช่วยโลก ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม แต่บรรดารถยนต์ ทั้งหลายต่างหากที่ควรจะเจียมเนื้อเจียมตัว ยกประโยชน์ให้กับผู้ที่ขี่จักรยาน
ในฐานะที่เป็นคนที่ขับรถทุกวัน เช้าและเย็น จันทร์ถึงอาทิตย์จะพบเป็นประจำกับนักปั่นจักรยานที่มีทัศนคติที่ว่าฉันดีกว่าคนอื่นๆ เพราะฉันช่วยโลกประเภทนี้ทุกวัน และจะพบกับตัวเองหรือเห็นการกระทบ กระทั่งระหว่างรถยนต์คันอื่นๆ กับผู้ขี่จักรยานประเภทนี้ แต่พบทุกวัน
การขี่จักรยานบนถนนที่ไม่ช่องทางรถจักรยานนั้น ค่อนข้างอันตราย เพราะถ้าเราขี่พลาด อาจมีอุบัติเหตุหรือเจ็บตัวได้ การขี่จักรยานบนถนนที่ไม่มีช่องทางจักรยานนั้น ต้องขี่ชิดขวา ไม่ใช่ว่าจะขี่กลางช่องทางจราจรช่องขวา และ ต้องขี่เรียงกันเป็นแถว ไม่มีการขี่รถจักรยานแบบคู่กันไป คุยกันไปหนุงหนิง และเวลาจะเลี้ยวก็ต้องหันหลังไปดูก่อนว่าช่องทางหรือทิศทางที่จะไปนั้นว่างหรือเปล่า หรือจังหวะที่จะเลี้ยวนั้น อำนวยให้ไหม การหันศรีษะไปดูด้านหลังนั้น ต้องมีความเชี่ยวชาญนิดหน่อยกับการหันไปดูโดยที่รถจักรยานนั้นยังทรงตัวอยู่ได้ ไม่เอียงไปเอียงมา ยกแขนซ้ายขึ้นเป็นแนวขนานไปกับบ่า และแบฝ่ามือให้ด้านฝ่ามือหันไปข้างหน้า เวลาที่ขี่ไปตรงๆ แต่เผอิญมีรถยนต์จะเลี้ยวขวา รถยนต์บางคันจะหยุดให้จักรยานไปก่อน แต่ถ้าจังหวะยังห่างอยู่ ขักรยานต้องหยุดให้รถเลี้ยวขวาไปก่อน ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงในการปั่นให้เร็วขึ้นเพื่อจะแซง ขึ้นไป หรือหากจักรยานจะเลี้ยวซ้าย ต้องย้ายช่องทางมาที่ช่องทางรถเลี้ยวซ้าย และการเปลี่ยนช่องทางก็ค่อยๆ เปลี่ยน โดยใช้การยกแขนเป็นการให้สัญญาณ ที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะขับขี่รถประเภทไหน ต้องเคารพกฎจราจรทุกคันและทุกคนที่ใช้รถใช้ถนน แม้คนข้ามถนนหรือคนเดินบนทางเท้าข้างถนนก็เช่นกัน
ส่วนทัศนคติที่ว่าถ้าฉันขี่จักรยานแล้วฉันช่วยโลก ส่วนคนที่ขับรถยนต์นั้น ทำลายสิ่งแวดล้อม อยากให้คิดเสียใหม่ว่า คนขับรถยนต์นั้นอาจมีความจำเป็นต้องขับรถ เช่น บ้านอยู่ไกลมากขี่จักรยานไม่ได้ แต่เวลาอยู่บ้านนั้น แยกขยะ ลดใช้ถุงพลาสติก ดื่มน้ำจากเครื่องกรองแทนน้ำจากขวดพลาสติก เป็นต้น และอย่าลืมว่าท่านที่ขี่จักรยานและมีทัศนคติแบบนี้นั้น ต้องรู้ตัวด้วยว่าคุณขี่จักรยานเพราะคุณได้ประโยชน์เช่นกัน ไม่ว่าจะฟิตร่างกาย ประหยัดค่ารถ ช่วยโลก ดังนั้นอย่าว่ากันนะคะที่คนอื่นๆ นั้นจำเป็นต้องขับรถค่ะ
เสาร์ที่ 16 มิถุนายน 2555
ตอนนี้หน้าร้อนมาถึงแล้ว หลายๆ คนคงจะตื่นเต้นเตรียมตัวใช้เวลานอกบ้านอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี หน้าร้อนที่นี่มีระยะเวลาน้อย ไม่เหมือนเมืองไทยที่มีหน้าร้อนตลอดปี ถึงจะเป็นช่วงหน้าฝนก็ยังร้อนอยู่ดี และแม้ว่าจะหนาวก็หนาวเป็นบางพื้นที่ แต่ที่นี่มีหน้าร้อนเพียง 3-4 เดือนต้องรีบๆ กันหน่อย
พอถึงหน้าร้อนจะมีบรรดาจักรยานออกมาขี่บนถนนหนทางกันมาก จะว่าด้วยเหตุผลของการประหยัดพลังงานช่วยโลกร้อน หรือจะประหยัดเงินค่ารถเมล์ รถไฟใต้ดินหรือค่าน้ำมันรถ และค่าจอดรถก็ตาม คนที่ขี่จักรยานหรือ Biker หรือ Cyclist ส่วนใหญ่มักจะเรียนรู้และเข้าใจกฎการขี่จักรยานบนถนนเบื้องต้นว่าต้องยกมือเวลาจะเลี้ยว หรือต้องขับชิดขวา ทำนองนี้ แต่หลายๆ คนที่ขี่จักรยานก็อาจจะไม่รู้หรือรู้แล้วทำเป็นไม่รู้ บางคนก็คิดถือเอาว่า ฉันนี่แหละที่ช่วยโลก ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม แต่บรรดารถยนต์ ทั้งหลายต่างหากที่ควรจะเจียมเนื้อเจียมตัว ยกประโยชน์ให้กับผู้ที่ขี่จักรยาน
ในฐานะที่เป็นคนที่ขับรถทุกวัน เช้าและเย็น จันทร์ถึงอาทิตย์จะพบเป็นประจำกับนักปั่นจักรยานที่มีทัศนคติที่ว่าฉันดีกว่าคนอื่นๆ เพราะฉันช่วยโลกประเภทนี้ทุกวัน และจะพบกับตัวเองหรือเห็นการกระทบ กระทั่งระหว่างรถยนต์คันอื่นๆ กับผู้ขี่จักรยานประเภทนี้ แต่พบทุกวัน
การขี่จักรยานบนถนนที่ไม่ช่องทางรถจักรยานนั้น ค่อนข้างอันตราย เพราะถ้าเราขี่พลาด อาจมีอุบัติเหตุหรือเจ็บตัวได้ การขี่จักรยานบนถนนที่ไม่มีช่องทางจักรยานนั้น ต้องขี่ชิดขวา ไม่ใช่ว่าจะขี่กลางช่องทางจราจรช่องขวา และ ต้องขี่เรียงกันเป็นแถว ไม่มีการขี่รถจักรยานแบบคู่กันไป คุยกันไปหนุงหนิง และเวลาจะเลี้ยวก็ต้องหันหลังไปดูก่อนว่าช่องทางหรือทิศทางที่จะไปนั้นว่างหรือเปล่า หรือจังหวะที่จะเลี้ยวนั้น อำนวยให้ไหม การหันศรีษะไปดูด้านหลังนั้น ต้องมีความเชี่ยวชาญนิดหน่อยกับการหันไปดูโดยที่รถจักรยานนั้นยังทรงตัวอยู่ได้ ไม่เอียงไปเอียงมา ยกแขนซ้ายขึ้นเป็นแนวขนานไปกับบ่า และแบฝ่ามือให้ด้านฝ่ามือหันไปข้างหน้า เวลาที่ขี่ไปตรงๆ แต่เผอิญมีรถยนต์จะเลี้ยวขวา รถยนต์บางคันจะหยุดให้จักรยานไปก่อน แต่ถ้าจังหวะยังห่างอยู่ ขักรยานต้องหยุดให้รถเลี้ยวขวาไปก่อน ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงในการปั่นให้เร็วขึ้นเพื่อจะแซง ขึ้นไป หรือหากจักรยานจะเลี้ยวซ้าย ต้องย้ายช่องทางมาที่ช่องทางรถเลี้ยวซ้าย และการเปลี่ยนช่องทางก็ค่อยๆ เปลี่ยน โดยใช้การยกแขนเป็นการให้สัญญาณ ที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะขับขี่รถประเภทไหน ต้องเคารพกฎจราจรทุกคันและทุกคนที่ใช้รถใช้ถนน แม้คนข้ามถนนหรือคนเดินบนทางเท้าข้างถนนก็เช่นกัน
ส่วนทัศนคติที่ว่าถ้าฉันขี่จักรยานแล้วฉันช่วยโลก ส่วนคนที่ขับรถยนต์นั้น ทำลายสิ่งแวดล้อม อยากให้คิดเสียใหม่ว่า คนขับรถยนต์นั้นอาจมีความจำเป็นต้องขับรถ เช่น บ้านอยู่ไกลมากขี่จักรยานไม่ได้ แต่เวลาอยู่บ้านนั้น แยกขยะ ลดใช้ถุงพลาสติก ดื่มน้ำจากเครื่องกรองแทนน้ำจากขวดพลาสติก เป็นต้น และอย่าลืมว่าท่านที่ขี่จักรยานและมีทัศนคติแบบนี้นั้น ต้องรู้ตัวด้วยว่าคุณขี่จักรยานเพราะคุณได้ประโยชน์เช่นกัน ไม่ว่าจะฟิตร่างกาย ประหยัดค่ารถ ช่วยโลก ดังนั้นอย่าว่ากันนะคะที่คนอื่นๆ นั้นจำเป็นต้องขับรถค่ะ