คิดเล่นๆ ไม่เห็นเป็นไร
ต่อแถวสร้างภาพ
มีโอกาสไปหาอาหารรับประทานนอกบ้านอยู่บ่อยๆ แต่พักหลังๆ ชักเบื่อกับการต้องไปยืนรอต่อแถวเพื่อเข้าไปรับประทานอาหารในร้าน แค่ช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือนที่ผ่านมา พอจะจับได้ว่ามีการนำกลยุทธ์อย่างหนึ่งมาใช้ในการสร้างภาพให้ร้านตัวเองว่ามีลูกค้ามารอเข้าร้านกันมากมาย สร้างความรู้สึกโน้มน้าวว่าร้านนี้ต้องเป็นเจ้าอร่อยโดยไม่ต้องเสียสตางค์ต่าพีอาร์ให้เปลือง
ร้านที่ไปมาก็คือร้าน ราเมน ที่ถนน ดันดาส ดาวน์ทาวน์โตรอนโต ที่ไม่มีการจองโต๊ะ ลูกค้าที่มากันเป็นกลุ่มหากสมาชิกในกลุ่มยังมาไม่ครบไม่ให้เข้า ต้องรอจนกว่าสมาชิกในกลุ่มมาครบแล้วจึงเข้าได้ และไม่มีการสั่งใส่ห่อกลับบ้าน
อีกร้านต่อมาที่ประสบแบบเดียวกันคือ Asian Legend ซึ่งเป็นร้านที่มีหลายสาขา จึงไม่แน่ใจว่าทุกสาขาจะเหมือนกันหรือไม่ แต่ที่พบมาคือ ไปกัน 2 คน ทางร้านให้ไปนั่งโต๊ะ 2 ที่นั่ง ซึ่งเข้าใจได้เพราะมากัน 2 คน จะให้ไปนั่งโต๊ะ 3 คน หรือโต๊ะ 4 คน มันก็เสียโอกาสของร้านที่จะรับลูกค้ามากขึ้น แต่ปริมาณการรับประทานที่พอๆ กับการไปกัน 4 คน หรือ 6 คน แม้จะไปกันแค่ 2 ก็ไม่น่าเป็นปัญหากับร้านในการเสียโอกาสจึงได้แจ้งร้านไปว่าจะสั่งอาหาร 5-6 อย่างนะ โต๊ะ 2 ที่นั่ง ซึ่งเป็นโต๊ะเล็กๆไม่พอวางอาหารแน่นอน ทางร้านก็ไม่ยอม บอกว่าไม่ได้ คุยไปคุยมาจนไม่ไหวแล้วโมโหเหลือเกิน เดินออกดีกว่า ยังดีที่พนักงานยังคิดได้อยู่บ้างว่าหากปล่อยลูกค้าหลุดไปก็เสียโอกาสเหมือนกัน เลยไปตามผู้จัดการมาคุย ผู้จัดการก็คิดเป็นเหมือนกัน เลยยอมให้ไปนั่งโต๊ะ 4 ที่นั่ง เรื่องเลยจบ จ่ายไปเกือบ 80 เหรียญมื้อนี้ แค่ 2 คน
อีกร้านหนึ่ง ที่ตัดสินใจไม่รอ คือ Spring Roll เช่นกันที่มีหลายสาขาและไม่น่ใจว่าจะเป็นเหมือนกันทุกสาขาหรือไม่ แต่แถวยาวทีเดียว มากัน 2 คน เสียเป็นส่วนใหญ่ เห็นภายในร้านค่อนข้างว่างเพราะมีโต๊ะว่างๆ เหลืออยู่ 2-3 โต๊ะ แต่เป็นโต๊ะ 4 ที่นั่ง อีกแล้วเช่นกันที่เข้าไปนั่งไม่ได้ เพราะพนักงานบอกว่าเป็นโต๊ะ 4 ที่นั่ง สำหรับลูกค้า 3-4 คน จึงตัดสินใจไม่รอ ไปดีกว่า
จะว่าไปเทคนิคนี้มีการใช้กันมานานแล้ว และเป็นเทคนิคเดียวกันกับผับบาร์ทั้งหลายที่แถบอเมริกาเหนือ ที่ปล่อยให้ลูกค้าเข้าผับเข้าบาร์ที่ละคนสองคน แล้วให้แถวดูยาวๆ เข้าไว้ เหมือนว่าลูกค้าแน่นเหลือเกิน ทั้งๆ ที่บางทีด้านในโหรงเหรง
อย่างนี้แล้วร้านอาหารไทยทั้งหลายจะใช้กลยุทธ์อย่างเดียวกันคงไม่เสียหลาย แต่ก่อนใช้คิดสารตะให้ถ้วนถี่ว่าคุ้มหรือไม่กับการทำให้ลูกค้าหงุดหงิดหรือการเสียลูกค้าไป
ต่อแถวสร้างภาพ
มีโอกาสไปหาอาหารรับประทานนอกบ้านอยู่บ่อยๆ แต่พักหลังๆ ชักเบื่อกับการต้องไปยืนรอต่อแถวเพื่อเข้าไปรับประทานอาหารในร้าน แค่ช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือนที่ผ่านมา พอจะจับได้ว่ามีการนำกลยุทธ์อย่างหนึ่งมาใช้ในการสร้างภาพให้ร้านตัวเองว่ามีลูกค้ามารอเข้าร้านกันมากมาย สร้างความรู้สึกโน้มน้าวว่าร้านนี้ต้องเป็นเจ้าอร่อยโดยไม่ต้องเสียสตางค์ต่าพีอาร์ให้เปลือง
ร้านที่ไปมาก็คือร้าน ราเมน ที่ถนน ดันดาส ดาวน์ทาวน์โตรอนโต ที่ไม่มีการจองโต๊ะ ลูกค้าที่มากันเป็นกลุ่มหากสมาชิกในกลุ่มยังมาไม่ครบไม่ให้เข้า ต้องรอจนกว่าสมาชิกในกลุ่มมาครบแล้วจึงเข้าได้ และไม่มีการสั่งใส่ห่อกลับบ้าน
อีกร้านต่อมาที่ประสบแบบเดียวกันคือ Asian Legend ซึ่งเป็นร้านที่มีหลายสาขา จึงไม่แน่ใจว่าทุกสาขาจะเหมือนกันหรือไม่ แต่ที่พบมาคือ ไปกัน 2 คน ทางร้านให้ไปนั่งโต๊ะ 2 ที่นั่ง ซึ่งเข้าใจได้เพราะมากัน 2 คน จะให้ไปนั่งโต๊ะ 3 คน หรือโต๊ะ 4 คน มันก็เสียโอกาสของร้านที่จะรับลูกค้ามากขึ้น แต่ปริมาณการรับประทานที่พอๆ กับการไปกัน 4 คน หรือ 6 คน แม้จะไปกันแค่ 2 ก็ไม่น่าเป็นปัญหากับร้านในการเสียโอกาสจึงได้แจ้งร้านไปว่าจะสั่งอาหาร 5-6 อย่างนะ โต๊ะ 2 ที่นั่ง ซึ่งเป็นโต๊ะเล็กๆไม่พอวางอาหารแน่นอน ทางร้านก็ไม่ยอม บอกว่าไม่ได้ คุยไปคุยมาจนไม่ไหวแล้วโมโหเหลือเกิน เดินออกดีกว่า ยังดีที่พนักงานยังคิดได้อยู่บ้างว่าหากปล่อยลูกค้าหลุดไปก็เสียโอกาสเหมือนกัน เลยไปตามผู้จัดการมาคุย ผู้จัดการก็คิดเป็นเหมือนกัน เลยยอมให้ไปนั่งโต๊ะ 4 ที่นั่ง เรื่องเลยจบ จ่ายไปเกือบ 80 เหรียญมื้อนี้ แค่ 2 คน
อีกร้านหนึ่ง ที่ตัดสินใจไม่รอ คือ Spring Roll เช่นกันที่มีหลายสาขาและไม่น่ใจว่าจะเป็นเหมือนกันทุกสาขาหรือไม่ แต่แถวยาวทีเดียว มากัน 2 คน เสียเป็นส่วนใหญ่ เห็นภายในร้านค่อนข้างว่างเพราะมีโต๊ะว่างๆ เหลืออยู่ 2-3 โต๊ะ แต่เป็นโต๊ะ 4 ที่นั่ง อีกแล้วเช่นกันที่เข้าไปนั่งไม่ได้ เพราะพนักงานบอกว่าเป็นโต๊ะ 4 ที่นั่ง สำหรับลูกค้า 3-4 คน จึงตัดสินใจไม่รอ ไปดีกว่า
จะว่าไปเทคนิคนี้มีการใช้กันมานานแล้ว และเป็นเทคนิคเดียวกันกับผับบาร์ทั้งหลายที่แถบอเมริกาเหนือ ที่ปล่อยให้ลูกค้าเข้าผับเข้าบาร์ที่ละคนสองคน แล้วให้แถวดูยาวๆ เข้าไว้ เหมือนว่าลูกค้าแน่นเหลือเกิน ทั้งๆ ที่บางทีด้านในโหรงเหรง
อย่างนี้แล้วร้านอาหารไทยทั้งหลายจะใช้กลยุทธ์อย่างเดียวกันคงไม่เสียหลาย แต่ก่อนใช้คิดสารตะให้ถ้วนถี่ว่าคุ้มหรือไม่กับการทำให้ลูกค้าหงุดหงิดหรือการเสียลูกค้าไป